
รีวิวอนิเมะ Zom 100: Bucket List of the Dead (100 ร้อยสิ่งที่อยากทำก่อนเป็นซอมบี้) เรื่องราวสุดฮาที่แฝงไปด้วยดราม่าสุดเข้มข้น
รีวิวอนิเมะ Zom 100: Bucket List of the Dead (100 ร้อยสิ่งที่อยากทำก่อนเป็นซอมบี้) เรื่องราวสุดฮาที่แฝงไปด้วยดราม่าสุดเข้มข้น บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า
เรื่องย่อ Zom 100: Bucket List of the Dead (100 ร้อยสิ่งที่อยากทำก่อนเป็นซอมบี้)
อนิเมะเรื่องนี้จะพาเราไปติดตามเรื่องราวของ Akira Tendō (พากย์เสียงโดย Shuichiro Umeda) หนุ่มพนักงานออฟฟิศที่ใช้ชีวิตอย่างจืดชืด ชีวิตเขาวนลูปเดิมซ้ำๆ ทุกวัน คือการไปทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ทำงานแบบถวายชีวิต บางทีก็ไม่ได้กลับบ้านเลยหลายวัน และพอได้กลับบ้านแต่ละทีก็หมดแรงนอน ตื่นมาก็ต้องไปทำงานต่อ ซึ่งหากจะให้ย้ายงานก็ไม่ได้ เพราะเขาทำงานแทบตลอดจนไม่มีเวลาสมัครงาน เขาทำแบบนี้อยู่ 3 ปี พร้อมกับมีความคิดในหัวตลอดว่าไม่อยากไปทำงาน จนกระทั่งวันหนึ่ง จู่ๆ โลกก็เกิดไวรัสระบาดผู้คนกลายเป็นซอมบี้ แทนที่เขาจะกลัวเขากลับดีใจเพราะรู้ว่าตัวเองจะไม่ต้องไปทำงานอีกแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะรอดไปได้อีกนานแค่ไหน เขาจึงตัดสินใจลิสต์ 100 สิ่งที่เขาอยากจะทำก่อนที่ตัวเองจะกลายเป็นซอมบี้ สุดท้ายแล้วเรื่องราวครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง
ตัวอย่าง Zom 100: Bucket List of the Dead (100 ร้อยสิ่งที่อยากทำก่อนเป็นซอมบี้)
รีวิวอนิเมะ Zom 100: Bucket List of the Dead (100 ร้อยสิ่งที่อยากทำก่อนเป็นซอมบี้)
สำหรับอนิเมะเรื่องนี้นั้นถือเป็นหนึ่งในผลงานที่แฟนๆ หลายคนรอคอย เพราะตัวอนิเมะเป็นกระแสถูกพูดถึงในโลกออนไลน์มาซักระยะแล้ว ด้วยการจั่วหูพล็อตเรื่องสุดแปลกว่าเป็นเรื่องราวของหนุ่มออฟฟิศที่ดีใจเมื่อรู้ว่าทุกคนกลายเป็นซอมบี้ เพราะตัวเองจะไม่ต้องไปทำงาน พล็อตเรื่องนี้ทำให้หลายคนอยากดูและอยากรู้ว่าจะฮาแค่ไหน ซึ่งก่อนที่เราจะมารีวิวกันผมต้องขอบอกก่อนว่าตอนนี้ตัวอนิเมะเพิ่งเปิดตัวออกมาแค่เพียงตอนเดียวเท่านั้น ดังนั้น อาจสรุปไม่ได้ทั้งหมดว่าดีหรือไม่ดี เนื่องจากยังไม่ได้ดูครบทั้งหมด แต่ก็จะรีวิวเท่าที่ดูมา เริ่มจากเรื่องแรกคือพล็อตเรื่อง ส่วนนี้ผมมองว่าพล็อตมันน่าสนใจมากอยู่แล้ว และคาดหวังว่ามันคงตลกแน่ๆ แต่พอได้ดูตอนแรกไปจริงๆ มันดันว้าวมากกว่านั้น เพราะเขาเปิดด้วยพาร์ทดราม่าถึงเหตุผลว่าทำไมพระเอกถึงไม่อยากไปทำงาน
ตัวอนิเมะปูเรื่องพาร์ทดราม่ามาได้ดีและถึงอารมณ์มากๆ เขาเปิดด้วยการเล่าเรื่องของพระเอกที่ดูเหมือนจะเป็นคนเก่งมีความสามารถ เรียนจบมาและเริ่มเข้าทำงานด้วยความสดใส แต่เมื่ออยู่ไปซักพักเขาก็ถูกวัฒนธรรมการทำงานที่บ้าคลั่งกลืนกิน ทั้งการที่ทำงานเสร็จจนดึก ไปกินเลี้ยงต่อ แต่พอกินเสร็จก็ต้องกลับมาทำงานต่อ บางทีไม่ได้กลับบ้านเลย 2 วันติดๆ กัน แถมการทำงานก็ต้องยอมทุกอย่าง เพราะหากปฏิเสธก็จะถูกกดดันและอาจจะเสียงาน นอกจากนี้ยังเล่าถึงมุมมองความรักที่พระเอกแอบชอบสาวคนหนึ่งในออฟฟิศ แต่สาวคนนั้นกลับเป็นชู้รักของประธานบริษัทผู้ร่ำรวย คือชีวิตพระเอกมันดาร์กและน่าเศร้ามากจริงๆ ซึ่งอนิเมะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี คือทำให้เราอินตามไปด้วยเลย จนกระทั่งวันที่ทุกคนกลายเป็นซอมบี้ พระเอกก็อยากจะไปสารภาพรักกับคนที่แอบชอบ ทว่าเมื่อไปถึงกับกลายเป็นว่าสาวที่แอบชอบนั้นได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว คือมันหวานอมขมกลืนสุดๆ ไม่คิดว่าจะไปได้สุดขนาดนี้ จากที่กะว่าจะมาดูเอาฮา มันกลับกินใจเฉยเลย
นอกจากบทและการดำเนินเรื่องในตอนแรกจะทำออกมาได้ดีแล้วนั้น ด้านงานสร้างก็ดีไม่แพ้กันจริงๆ งานภาพทำออกมาได้ดีเกินคาดมากๆ ลายเส้นสวยเนียนกริบ แสงและเงาต่างๆ ทำได้ดีหมด งานภาพออกมาสวยเกินคาดมากๆ จังหวะการตัดการเล่าก็ดีไปหมด ฉากเล่าย้อนอดีตอันข่มขืนของพระเอกตัวอนิเมะก็ใช้โทนสีเย็นๆ มืดๆ เข้ามาช่วยให้มันดูเศร้าจนสามารถปลุกเร้าอารมณ์ให้เราคล้อยตามได้ พอมาฉากที่พระเอกอารมณ์ดีและดีใจ โทนสีในเรื่องก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูมีสีสันสดใส ถึงขนาดที่ว่าทำเลือดซอมบี้เป็นสีหลากสี ซึ่งผมชอบนะ เพราะมันช่วยถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครพระเอกได้ดีมากๆ สรุปโดยรวมคือ ตอนแรกที่ออกมานี้มันดีงามครบทุกอารมณ์จริงๆ ดีทั้งบท การเล่าเรื่อง และงานภาพ คือผมจะรอดูต่อจนจบแน่ๆ ใครที่ชอบอนิเมะอยู่แล้วน่าจะหลงรักเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เอาเป็นว่าไปลองดูกันเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน