รีวิว Detective Conan The Movie 26: Black Iron Submarine (ยอดนักสืบจิ๋วโคนันเดอะมูฟวี่ ภาค 26: มฤตยูใต้น้ำทมิฬ) ภาคพิเศษที่ดีงามตามมาตรฐาน การสืบคดีครั้งสำคัญเมื่อโคนันต้องเจอกับองค์กรชุดดำ บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า

เรื่องย่อDetective Conan The Movie 26: Black Iron Submarine (ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ ภาค 26: มฤตยูใต้น้ำทมิฬ)

สำหรับภาคพิเศษลำดับที่ 26 เรื่องนี้จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวการสืบคดีของโคนันเหมือนเคย ซึ่งในครั้งนี้จะโฟกัสไปที่ โคนันและไฮบาระเป็นหลัก ทุกอย่างเริ่มต้นจากการที่องค์กรชุดดำได้หมายที่จะขโมยเทคโนโลยีสุดล้ำของตำรวจสากล นั่นคือเทคโนโลยีที่จะสามารถเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดได้ทั่วโลก ทว่าเทคโนโลยีนี้ดันอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยการรักษาความปลอดภัยแบบเต็มพิกัด สถานที่แห่งนั้นคือ “ทุ่นแปซิฟิก” อาคารใต้ทะเลที่สร้างโดยตำรวจสากล เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกสังหารโดยองค์กรชุดดำไปหนึ่งคน เจ้าที่ลับที่แฝงตัวอยู่ในองค์กรชุดดำจึงได้มาขอความช่วยเหลือจากโคนัน จึงเป็นเหตุผลให้เขาได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อเข้าไปสืบก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นอีกเมื่อจู่ๆ วิศวกรสาวที่อยู่ในทุ่นแปซิฟิกได้ถูกจับตัวไปทำให้เทคโนโลยีนี้รั่วไหลไปอยู่ในมือขององค์กรชุดดำ ซึ่งจะนำไปสู่เรื่องวุ่นวายมากมายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโคนัน ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Detective Conan The Movie 26: Black Iron Submarine (ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ ภาค 26: มฤตยูใต้น้ำทมิฬ) ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

ตัวอย่าง Detective Conan The Movie 26: Black Iron Submarine (ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ ภาค 26: มฤตยูใต้น้ำทมิฬ)

รีวิว Detective Conan The Movie 26: Black Iron Submarine (ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ ภาค 26: มฤตยูใต้น้ำทมิฬ)

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ส่วนตัวผมไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ของอนิเมะเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ก็เคยดูมาเยอะมากๆ เหมือนกัน อย่างฉบับอนิเมะก็คือดูไปหลายร้อยตอนมากๆ ส่วนฉบับเดอะมูฟวี่คือเคยดูตั้งแต่ภาคแรกจนถึงประมาณภาคที่ 15 แต่ช่วงหลังๆ มานี้คือไม่ได้ตามต่อเลย ทว่าความพิเศษของอนิเมะเรื่องนี้ก็คือ มันไม่จำเป็นต้องดูต่อเนื่องขนาดนั้น เพราะขนาดผมที่ไม่ได้ดูมานานหลายปีก็ยังสามารถดูภาคใหม่นี้ได้เข้าใจแบบไม่มีอะไรค้างคาใจ ขอแค่เพียงคุณรู้พื้นฐานของเรื่องราวก็สามารถดูได้ รู้แค่ว่าโคนันเป็นใคร ไฮบาระเป็นใคร และองค์กรชุดดำเป็นใคร เอาเป็นว่าใครที่ลังเลอยู่กลัวจะดูไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะคุณจะดูรู้เรื่องแน่นอน เอาหละมาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า ความรู้สึกแรกหลังดูจบคือ “ค่อนข้างดี” อาจเป็นเพราะผมไม่ได้ดูโคนันเดอะมูฟวี่มานาน เลยรู้สึกว่างานภาพและการโปรดักชั่นของภาคนี้มันดีงามขึ้นมากๆ จากครั้งล่าสุดที่ได้ดู นอกจากนี้ตัวบทและสเกลของเรื่องราวมันก็ดูยิ่งใหญ่มากๆ บวกกับความซับซ้อนของการสืบคดีที่ยังคงทำได้ดีเหมือนเคยนี้ซึ่งมันช่วยดึงดูดคนดูเอาไว้ได้แบบอยู่หมัด คือมันดีตามมาตรฐานของอนิเมะเรื่องนี้เลย ยกให้เป็นหนึ่งในอนิเมะที่สามารถรักษาความสนุกของตัวเองเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง

อย่างที่กล่าวไปว่าตัวบทมีความซับซ้อนและสเกลใหญ่ขึ้น แถมการที่ตัดสินใจเลือกให้ตัวร้ายของภาคนี้เป็นองค์กรชุดดำมันก็ยิ่งทำให้เราอยากดูมากขึ้นไปอีก เพราะหากใครที่ติดตามอนิเมะมานานก็จะรู้ดีว่าส่วนใหญ่เรื่องราวของโคนันจะไม่ค่อยมีการพูดถึงองค์กรชุดดำบ่อยเท่าไหร่นัก ถึงมีก็คือนานๆ ที ดังนั้น ครั้งนี้จึงถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่แฟนๆ โคนันห้ามพลาด ซึ่งในภาคนี้ได้มีการเผยให้เรารู้จักองค์กรนี้มากขึ้น นอกจากนี้บทที่เขียนออกมาก็สมเหตุสมผลและมีที่มาที่ไปทั้งหมด ทั้งเรื่องการที่องค์กรชุดดำต้องการขโมยเทคโนโลยีไปเพื่อปกปิดตัวตนของสมาชิกในองค์กร ไปจนถึงการที่โคนันรู้ทันได้เพราะมีสายลับแฝงตัวอยู่ในองค์กร เพราะด้วยความที่โคนันเป็นเด็กที่ถึงแม้จะฉลาด แต่หากไร้ซึ่งข้อมูลจากวงในเขาก็ไม่อาจตามแผนการขององค์กรชุดดำได้ทัน ส่วนตัวผมชอบมากที่มีการใส่ตัวละครอื่นๆ ให้มามีบทบาทสำคัญในเรื่องราว คือโคนันเป็นพระเอกก็จริง แต่หากไร้การช่วยเหลือจากคนเหล่านี้เขาก็คงเอาตัวรอดมาไม่ได้

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ตัวหนังใส่มาคือแฟนเซอร์วิสแบบจัดเต็ม และสิ่งที่ดูเป็นประเด็นมากที่สุดก็คือความสัมพันธ์แบบกิ๊กกั๊กระหว่างโคนันและไฮบาระ เพราะหากใครเป็นแฟนของอนิเมะเรื่องนี้อยู่แล้วคงจะพอรู้กันมาบ้างว่าไฮบาระเองก็แอบสนใจในตัวโคนันอยู่เหมือนกัน ซึ่งหลังจากแฟนคลับพยายามแล่นเรือกันมานาน ในที่สุดผู้สร้างก็จัดให้แฟนๆ ได้ฟินกันในภาคนี้ [แอบสงสารรันเหมือนกันที่ไม่รู้อะไรด้วยเลย] ส่วนในด้านการสืบคดี ฉากแอ็คชั่นต่างๆ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่โคนันใช้ในการจับคนร้าย ทุกอย่างนี้ยังคงคอนเซปต์เดิมตามสูตรสำเร็จ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากมาย ทั้งการใช้รองเท้าเตะของใส่คนร้าย การใช้สเก็ตบอร์ดไล่ล่าคนร้าย ไปจนถึงการยิงยาสลบใส่โมริเพื่อไขคดี [อันนี้ขาดไม่ได้ดีจริงๆ] ที่แม้ว่ามันจะเป็นสูตรสำเร็จ แต่มันก็เป็นสูตรสำเร็จที่ผู้ชมชอบกันอยู่แล้ว เปรียบเสมือนอาหารร้านเดิมที่เรากินกี่ครั้งก็อร่อย สรุปโดยรวมเลยก็คือ โคนันเดอะมูฟวี่ภาคนี้ ถือเป็นหนึ่งในภาคที่สนุกและมอบความบันเทิงให้เราได้ไม่น้อย งานภาพและฉากแอ็คชั่นที่อลังการ บทที่เขียนออกมาตามสูตรสำเร็จแต่ก็มีความซับซ้อนไม่ได้เดาง่ายจนเกินไป รวมไปถึงแฟนเซอร์วิสที่ให้แฟนๆ ได้ฟินกันในตอนจบ เอาเป็นว่าใครที่เป็นแฟนโคนันมาหลายปีก็ควรจะต้องไปดูเรื่องนี้ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน